กรุงเทพฯ, 2 ส.ค. (สำนักข่าวรอยเตอร์) – ไทยจะเพิ่มจำนวนคนที่ต้องกักตัวที่บ้านด้วย COVID-19 เป็น 100,000 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวเมื่อวันจันทร์เนื่องจากความจุในสถานพยาบาลลดน้อยลงท่ามกลางกรณีที่เพิ่มขึ้นโดยตัวแปรเดลต้าของ ไวรัส.
ในช่วงต้นของการระบาดใหญ่ ผู้ป่วย COVID-19 ทั้งหมดในประเทศไทยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่เมื่อเดือนที่แล้วทางการได้แนะนำการแยกบ้านให้กับผู้ป่วยมากกว่า 30,000 รายที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่มีเลยในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง
“ขณะนี้มีผู้ป่วยที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน 60,000 คน และเราคาดว่าจะเพิ่มความจุดังกล่าวเป็น 100,000 คน” ณัฐพงศ์ วงษ์วิวัฒน์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวในการแถลงข่าว
ผู้ป่วยที่แยกตัวอยู่ที่บ้านจะได้รับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา อาหาร และการปรึกษาทางโทรศัพท์กับแพทย์ เขากล่าว
“หากอาการของพวกเขาแย่ลง พวกเขาจะถูกย้ายไปโรงพยาบาลสนามหรือโรงพยาบาล” เขากล่าว
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นจากตัวแปรเดลต้ากำลังส่งผลกระทบในเอเชีย รวมทั้งในประเทศอย่างไทยและเวียดนามซึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จในการยับยั้งไวรัส อ่านเพิ่มเติม
ตัวแปรที่แพร่เชื้อได้สูงอยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วย coronavirus ในประเทศไทยเมื่อเดือนที่แล้ว การระบาดในปัจจุบันเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน และเป็นประเทศที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เกิดโรคระบาด อ่านเพิ่มเติม
เมื่อวันอาทิตย์ ทางการในกรุงเทพฯ ได้ขยายข้อจำกัดที่เข้มงวดในเมืองหลวง อ่านเพิ่มเติม
90% ของเตียงในโรงพยาบาล 40,000 เตียงในกรุงเทพฯ ถูกครอบครองเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เกียรติภูมิ วงศ์จิตร กล่าวในการบรรยายสรุปอีกฉบับหนึ่ง ทั่วประเทศ 80% ของโรงพยาบาล 175,000 เตียงของไทยถูกครอบครอง เขากล่าวเสริม
หน่วยงานเฉพาะกิจด้านโคโรนาไวรัสของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รายงานผู้ป่วยรายใหม่ 17,970 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวมอยู่ที่ 633,284 ราย เสียชีวิต 5,074 ราย
การติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นได้เพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลในการกระตุ้นการฉีดวัคซีนที่ซบเซา โดยมีเพียงประมาณ 6% ของประเทศไทยมากกว่า 66 ล้านคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างครบถ้วน